Quantcast
Channel: Editorial – Specphone.com
Viewing all articles
Browse latest Browse all 10

Redmi Note 12 Series สมาร์ตโฟนระดับ Mid-Range ที่น่าจับตามองที่สุดในปี 2023

$
0
0

เปิดตัวไปเป็นที่เรียบร้อย สำหรับ Redmi Note 12 Series สมาร์ตโฟนระดับกลางจาก Redmi ที่รอบนี้อัดสเปคมาให้แบบไม่ยั้ง และในรุ่นท็อปสุดอย่าง Redmi Note 12 Pro+ 5G มีหลายอย่างที่ถอดแบบมาจากสมาร์ตโฟนระดับเรือธง ไม่ว่าจะเป็นกล้องหลัง 200MP หรือระบบชาร์จเร็ว 120W HyperCharge ส่วนรุ่นอื่น ๆ เมื่อเทียบกับสมาร์ตโฟนในระดับราคาใกล้เคียงกัน ก็ให้สเปคต่อราคาที่คุ้มค่ามากกว่า เรียกได้ว่าเป็นสมาร์ตโฟนระดับ Mid-Range ตัวตึงในปี 2023 ได้เลย ว่าแต่จะตึงเรื่องไหนบ้างนั้น ผมสรุปมาให้ในบทความนี้เรียบร้อยครับ

Redmi Note 12

จัดเต็มสุดเรื่องกล้อง และมีเลนส์มุมกว้าง Ultrawide ให้ใช้งานทุกรุ่น

จุดเด่นเรื่องกล้องถ่ายภาพของ Redmi Note 12 Series อย่างแรกเลยคือทุกรุ่น จะมาพร้อมกับกล้องมุมกว้าง Ultra wide-angle คือเมื่อเทียบกับแบรนด์อื่นในราคาใกล้เคียงกัน โดยเฉพาะในรุ่นเริ่มต้น Redmi Note 12 กับ Redmi Note 12 5G ในช่วงราคาดังกล่าว (6,000 – 10,000 บาท) หากเป็นรุ่นที่รองรับ 5G แบรนด์อื่น บางทีจะตัดกล้อง Ultra wide-angle ทิ้งไปเลยก็มี ส่วนตัวผมมองว่าเลนส์มุมกว้าง Ultra wide-angle เป็นระยะที่ควรมีในกล้องสมาร์ตโฟน และเป็นระยะที่ใช้งานได้จริง ทั้งการเก็บภาพวิว Landscape หรือใช้ในการเก็บบรรยากาศระหว่างท่องเที่ยว, เก็บภาพหมู่ การมีเลนส์ Ultra wide-angle ช่วยให้ถ่ายภาพได้หลากหลายสถานการณ์มากกว่า

Review Redmi Note 12 Series SpecPhone 00008

ส่วนเรื่องของกล้องหลัก หากเป็นรุ่นเล็ก Redmi Note 12 และ Redmi Note 12 5G ก็จะมาพร้อมกล้องหลัก 50MP f/1.8 กับ 48MP f/1.8 ตามลำดับ แต่ถ้าเป็นรุ่น Pro จะได้กล้องหลักที่คุณภาพดีขึ้น ไม่ใช่แค่ดีขึ้นธรรมดา แต่มันเทียบชั้นกล้องหลักของสมาร์ตโฟนระดับเรือธงได้เลย อย่าง Redmi Note 12 Pro 5G จะใช้กล้องหลัก 50MP f/1.88 ที่ใช้เซ็นเซอร์ IMX766 เซ็นเซอร์กล้องที่ถูกใช้ในสมาร์ตโฟนเรือธงหลายรุ่น มีจุดเด่นทั้งเรื่องการรวมพิกเซล (Pixel Binning) ได้ขนาดใหญ่ถึง 2 ไมครอน และระบบโฟกัสแบบ All-pixel กับกันสั่น OIS ที่ช่วยให้ถ่ายได้นิ่งมากขึ้น แถมยังมี Xiaomi Imaging Engine ด้วย AI ที่ช่วยปรับปรุงภาพให้ดูสวยสมจริงขึ้น

Review Redmi Note 12 Series SpecPhone 00011

ในรุ่นท็อปสุด Redmi Note 12 Pro+ 5G กล้องหลักจะมีความละเอียดสูงถึง 200MP f/1.65 ระดับเรือธงที่มีกันสั่น OIS และเลนส์ 7P, สารเคลือบกันแสงสะท้อน ALD กับขนาดเซ็นเซอร์ 1/1.4”, 2.24μm 16-in-1 Super Pixel ที่รองรับการถ่ายภาพออกมาได้ความละเอียดสูงคมชัดทั้งกลางวันและกลางคืน อีกทั้งยังมีโหมด Xiaomi ProCut ที่ครอบภาพออกมาได้ถึง 5 ภาพด้วยความคมชัดสูงทุกภาพ แน่นอนว่ามี Xiaomi Imaging Engine ช่วยในเรื่องการประมวลผลภาพถ่ายเช่นเดียวกับรุ่นโปร


สเปคต่อราคาดีที่สุดในตลาดสมาร์ตโฟนตอนนี้

จุดเด่นถัดมาของสมาร์ตโฟน Redmi Note 12 Series ทุกรุ่น คือเมื่อเทียบสเปคต่อราคากับสมาร์ตโฟนรุ่นอื่น ๆ ในท้องตลาดแล้ว จะเห็นได้ว่า Redmi ใส่สเปคมาให้แบบไม่กั๊ก ตั้งแต่รุ่นเล็กสุด Redmi Note 12 ไปจนถึงรุ่นท็อปสุดของซีรี่ส์อย่าง Redmi Note 12 Pro+ 5G

Review Redmi Note 12 Series SpecPhone 00009

Redmi Note 12 มาพร้อมกับชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 685 ชิป 6nm จับคู่กับ RAM 6GB และความจุในตัวเครื่อง 128GB เมื่อเทียบกับสมาร์ตโฟน 4G ในช่วงราคาใกล้เคียงกัน (6,000 – 7,000 บาท) ส่วนมากจะใช้ชิป MediaTek Helio G80 ไม่ก็ Helio G88 ซึ่ง Snapdragon 685 จะมีประสิทธิภาพที่สูงกว่า รวมถึงเรื่อง RAM, ROM ที่บางรุ่นยังเป็น RAM 4GB กับความจุ 64GB

Review Redmi Note 12 Series SpecPhone 00012

ส่วน Redmi Note 12 5G กับค่าตัว 8,499 บาท รุ่นนี้น่าจะเป็นรุ่นแรก ๆ ในประเทศไทยที่ใช้ชิปเซ็ต Qualcomm Snapdragon 4 Gen 1 โดยรวมในด้านประสิทธิภาพถือว่าเป็นอีกหนึ่งชิปเซ็ตที่น่าสนใจ และเมื่อเทียบกับสมาร์ตโฟน 5G ราคาไม่เกินหมื่น ส่วนมากก็จะเป็นชิปเซ็ต Dimensity 700, Dimensity 800 อีกทั้งเรื่อง RAM, ROM ที่รุ่นเริ่มต้นเป็น RAM 6/ 128GB ก็เพียงพอต่อการใช้งาน หรือถ้าเพิ่มเงินเป็น 9,999 บาท จะได้รุ่นที่เป็น RAM 8/ 256GB

Review Redmi Note 12 Pro 5G 04

มาถึงรุ่นโปรอย่าง Redmi Note 12 Pro 5G และ Redmi Note 12 Pro+ 5G ในช่วงราคา 10,000 – 15,000 บาท กับชิปเซ็ต Dimensity 1080 ชิปรุ่นนี้นอกจากเรื่องประสิทธิภาพและการจัดการพลังงานจะทำได้ดีแล้ว ในด้านการเชื่อมต่อ รองรับทั้ง 5G, Wi-Fi 6 อีกทั้งยังได้เรื่อง ISP ที่รองรับกล้องความละเอียดสูง กับระบบ HyperEngine 3.0 ที่ช่วยให้เล่นเกมได้อย่างลื่นไหล ในขณะที่การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตก็ไม่สะดุดอีกด้วย

Review Redmi Note 12 Series Game SpecPhone 00002

ไม่เพียงชิปเซ็ตที่ประสิทธิภาพดี Redmi Note 12 Pro 5G และ Redmi Note 12 Pro+ 5G ยังมีตัวเลือก RAM, ROM ที่ผมมองว่าทำราคาได้น่าสนใจ อย่างรุ่นเริ่มต้นของ Redmi Note 12 Pro 5G กับค่าตัว 9,999 บาท ได้เป็น RAM 6/ 128GB หรือรุ่นมาตรฐานที่เป็น RAM 8/ 256GB กับค่าตัว 12,990 บาท เมื่อเทียบกับคู่แข่งในราคาใกล้เคียงกัน สิ่งที่ได้มากกว่าก็คือเรื่องความจุ 256GB นี่ล่ะครับ

ส่วน Redmi Note 12 Pro+ 5G กับค่าตัว 14,990 บาท ที่มาพร้อมกับ RAM 8/ 256GB ถือเป็นความจุมาตรฐานของสมาร์ตโฟนระดับราคานี้ แต่ก็มีสเปคที่เหนือกว่าสมาร์ตโฟนหลายรุ่นในช่วงราคาใกล้เคียงกันอย่างระบบระบายความร้อน ที่ช่วยลดอุณหภูมิความร้อนจากตัวชิปประมวลผล ส่งผลให้การเล่นเกมต่อเนื่องเป็นเวลานาน ๆ ทำได้ลื่นไหลมากกว่านั่นเอง


จัดเต็มเรื่องแบตเตอรี่ และระบบชาร์จเร็วมีให้ทุกรุ่น

ถือเป็นหนึ่งในจุดแข็งของ Redmi Note 12 Series ทุกรุ่นเลยก็ว่าได้ครับ กับเรื่องแบตเตอรี่และระบบชาร์จไฟ ที่ไม่ว่าจะเป็นรุ่นเล็กหรือรุ่นใหญ่ ก็มาพร้อมกับระบบชาร์จเร็วให้ในทุกรุ่น โดยแบตเตอรี่ก็ยืนพื้นให้ที่ 5,000 mAH ความจุแบตเตอรี่มาตรฐานของสมาร์ตโฟนแอนดรอยด์ในยุคปัจจุบัน ส่วนการใช้งาน ผมทดสอบทั้ง 4 รุ่นก็สามารถใช้งานหมดวันได้สบาย ๆ (โซเชี่ยลมีเดีย, เล่นเกมตอนพักเที่ยง, ดูวิดีโอบ้าง) โดยไม่ต้องชาร์จไฟเพิ่มระหว่างวัน และในบางรุ่น ถ้าไม่ได้ใช้งานหนักต่อเนื่องยาวนาน ผมว่า 2 วันชาร์จทีก็ยังไหวครับ

Review Redmi Note 12 Series Game SpecPhone 00001

เรื่องระบบชาร์จเร็ว หากเป็น Redmi Note 12, Redmi Note 12 5G ก็ได้ระบบชาร์จเร็ว 33W ใช้เวลา 30 นาที จะชาร์จไฟกลับจาก 1% ได้ถึงความจุราว 60% ส่วนชาร์จจนเต็ม 100% ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 10 นาที อยู่ในระดับที่เร็วเพียงพอต่อการใช้งานเลยล่ะครับ

แต่ถ้าเป็นรุ่น Pro กับ Pro+ นี่คือได้ระบบชาร์จเร็วระดับเรือธง โดย Redmi Note 12 Pro 5G จะมาพร้อมกับ 67W Turbo Charge ที่ใช้เวลาชาร์จ 30 นาที ได้แบตเตอรี่จาก 1% – 73% และใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมง (46 นาที) สำหรับการชาร์จไฟเต็ม 100% ส่วน Redmi Note 12 Pro+ 5G ที่มาพร้อม 120W HyperCharge นั้นชาร์จเร็วในระดับที่ว่าใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง (ทดสอบได้ประมาณ 20 นาที) ก็เพียงพอสำหรับการชาร์จไฟจนเต็มความจุ 100% ครับ


ได้จอ AMOLED ทุกรุ่น สีจัด ภาพคมชัด รีเฟรชเรต 120Hz

เรื่องของหน้าจอแสดงผล ก็ถือเป็นอีกหนึ่งด้านที่ Redmi Note 12 Series ให้มาแบบไม่กั๊ก เมื่อเทียบกับสมาร์ตโฟนในช่วงราคาใกล้เคียงกัน เพราะซีรี่ส์นี้ให้หน้าจอแบบ AMOLED ทุกรุ่น ขนาดหน้าจอเท่ากันที่ 6.67 นิ้ว ความละเอียด Full HD+ และมีอัตรารีเฟรชหน้าจอ 120Hz ในรุ่นเล็ก ช่วงราคาไม่เกิน 10,000 บาท หน้าจอ AMOLED ถือเป็นของหายากประมาณหนึ่งครับ เพราะส่วนมากจะได้หน้าจอ IPS เป็นส่วนใหญ่ โดยสิ่งที่หน้าจอ AMOLED เหนือกว่าก็คือเรื่องสีสันหน้าจอที่สดกว่า ความสว่างหน้าจอสูงกว่า รวมถึงเรื่องการแสดงผลสีดำ ที่ทำได้ดำสนิทกว่าจอ IPS ในระดับราคาใกล้เคียงกัน

Redmi Note 12 Series Display 002

ในขณะที่รุ่น Redmi Note 12 Pro 5G | Redmi Note 12 Pro+ 5G เมื่อเทียบสเปคหน้าจอพื้นฐานกับสมาร์ตโฟนแบรนด์อื่น อาจจะไม่ได้รู้สึกว่าให้สเปคที่สูงกว่า เพราะในช่วงราคา 10,000 – 15,000 บาท หน้าจอ AMOLED Full HD+ 120Hz ดูจะเป็นมาตรฐานไปแล้ว แต่หน้าจอ Flow AMOLED ของสองรุ่นนี้ก็ยังมีสิ่งที่เหนือกว่า ได้แก่ พาแนลแบบ P-OLED ที่มีความยืดหยุ่นสูง ทำให้ขอบหน้าจอบางมาก และหน้าจอยังรองรับการแสดงผล HDR มาตรฐาน Dolby Vision ที่ส่วนมากจะพบในสมาร์ตโฟนเรือธงราคาแพง ๆ ครับ

Redmi Note 12 Series Display

ดีไซน์ทันสมัย วัสดุดี งานประกอบแน่น แถมกันละอองน้ำ IP53

ด้านการออกแบบตัวเครื่อง Redmi Note 12 Series 5G มาในดีไซน์ที่คล้ายกัน โดยเฉพาะบริเวณของโมดูลกล้องหลังที่เป็นเอกลักษณ์ของสมาร์ตโฟนซีรี่ส์นี้ ด้านการจับถือตัวเครื่อง รวมถึงงานประกอบก็ทำออกมาได้เป็นอย่างดี ตัวเครื่องจับถือได้มั่นคง และในทุกรุ่นมาพร้อมมาตรฐาน IP53 ตัวเครื่องกันละอองน้ำได้

Review Redmi Note 12 Series SpecPhone 00006

พอร์ตเชื่อมต่อต่าง ๆ ก็ให้มาแบบไม่กั๊ก ทั้งพอร์ตชาร์จแบบ USB Type-C ที่ใช้งานร่วมกับอุปกรณ์เสริมได้หลากหลาย และยังมาพร้อมกับพอร์ตหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร ที่สมาร์ตโฟนหลายรุ่นในยุคปัจจุบันตัดทิ้งไป นอกจากนี้ยังมี IR Blaster หรือเซ็นเซอร์อินฟาเรด สำหรับควบคุมเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านได้อีกด้วย

Review Redmi Note 12 Series SpecPhone 00004

Redmi Note 12 Series ราคา และวางจำหน่าย

Redmi Note 12 Pro+ 5G และ Redmi Note 12 Pro 5G มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Midnight Black, Polar White และ Sky Blue โดยพร้อมให้สั่งจองล่วงหน้าในระหว่างวันที่ 29 เมษายน 2566 – 6 พฤษภาคม 2566 สำหรับคนที่สั่งจองในช่วงเวลาดังกล่าว จะได้รับกระเป๋าเดินทาง Luggage และ VIP Service Card มูลค่ารวม 6,780 บาท เป็นของสมนาคุณพิเศษ โดยสมาร์ตโฟนทั้ง 2 รุ่นนี้จะวางจำหน่ายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการในวันที่ 7 พฤษภาคม 2566 เป็นต้นไป ที่ Xiaomi Store และร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางการจัดจำหน่ายทางออนไลน์แพลตฟอร์ม

Redmi Note 12 Series SpecPhone 00002
Redmi Note 12 Series SpecPhone 00003
  • Redmi Note 12 Pro+ 5G รุ่นความจุ 8GB+256GB วางจำหน่ายในราคา 14,990 บาท
  • Redmi Note 12 Pro 5G รุ่นความจุ 8GB+256GB วางจำหน่ายในราคา 12,990 บาท
  • Redmi Note 12 Pro 5G รุ่นความจุ 6GB+128GB วางจำหน่ายในราคา 9,999 บาท (จำหน่ายเฉพาะที่ AIS)

Redmi Note 12 5G มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Onyx Gray, Ice Blue, Forest Green และ Redmi Note 12 มีให้เลือก 3 สี ได้แก่ Onyx Gray, Ice Blue, Mint Green โดยสมาร์ทโฟนทั้ง 2 รุ่น พร้อมวางจำหน่ายอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 22 เมษายน 2566 เป็นต้นไป ที่ Xiaomi Store และร้านตัวแทนจำหน่ายที่ร่วมรายการทั่วประเทศ รวมถึงช่องทางการจัดจำหน่ายทางออนไลน์แพลตฟอร์ม

Redmi Note 12 Series SpecPhone 00004
Redmi Note 12 Series SpecPhone 00001

โปรโมชั่นพิเศษสำหรับคนที่ซื้อ Redmi Note 12 5G หรือ Redmi Note 12 ในระหว่างวันที่ 22 เมษายน 2566 – 31 พฤษภาคม 2566 รับฟรีของสมนาคุณพิเศษ! เมื่อซื้อ Redmi Note 12 5G รับฟรี กระเป๋า Duffle Bag มูลค่า 1,490 บาท และเมื่อซื้อ Redmi Note 12 รับฟรี ลำโพง Soundbar Speaker มูลค่า 990 บาท

  • Redmi Note 12 5G รุ่นความจุ 8GB + 256GB วางจำหน่ายในราคา 9,999 บาท
  • Redmi Note 12 5G รุ่นความจุ 6GB+128GB วางจำหน่ายในราคา 8,499 บาท
  • Redmi Note 12 รุ่นความจุ 6GB + 128GB วางจำหน่ายในราคา 6,699 บาท

The post Redmi Note 12 Series สมาร์ตโฟนระดับ Mid-Range ที่น่าจับตามองที่สุดในปี 2023 appeared first on Specphone.com.


Viewing all articles
Browse latest Browse all 10

Trending Articles


Swott.คือ


ด่วน! สพป.สกลนคร เขต 1 รับสมัครลูกจ้างชั่วคราว และครูอัตราจ้าง 10 อัตรา


แอร์ LG ขึ้นCH 21ต้องแก้อย่างไรค่ะ


ปลาจีนที่วางขายในกระบะน้ำแข็งที่แม็คโคร ซื้อเอามาทำอะไรถึงจะอร่อยที่สุดครับ?


อาชีพเสริมปักแผ่นเฟรม งานฝีมือทําที่บ้าน หารายได้พิเศษ ทำได้ทุกจังหวัด


ซูมอิน Hesong Entertainment ค่ายสังกัดดาราที่ทรงอิทธิพล พร้อมเปิดตัวสมาชิกใหม่!


มีใครหลงเชื่อสมัครสมาชิกกับบริษัทขายตรง Beyond Beauty (By PAJ) เหมือนเราบ้าง...


รีวิว Preen House ครีมเวชสำอางค์ Peppermint ดีท็อกซ์ผิว


ใช้บัตร M Pass ถ้าจะนั่งที่นั่ง Honeymoon,Opera Chair...


มันคือเพลงอะไรใครทราบบ้าง